ปัจจุบัน พลาสติก มีความจำเป็นกับชีวิตประจำวันของเรา เพราะพลาสติกเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่มีต้นทุนต่ำ มีหลายประเภท ขึ้นอยุ่กับการนำไปใช้งาน ซึ่งการนำพลาสติกรีไซเคิลกลับมาใช้งานได้ใหม่ ก็สำคัญเช่นกัน ของใช้ในบ้าน ของใช้ส่วนตัว บรรจภัณฑ์ใส่อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ล้วนมีพลาสติกเป็นส่วนประกอบ
ปัญหาที่ตามมาก็คือขยะพลาสติกจำนวนมาก และพลาสติกก็ใช้เวลาในการย่อยสลายนาน ดังนั้นเราจึงมักนำพลาสติกประเภทที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือรีไซเคิลได้ โดยมีวิธีสังเกตคือจะมีสัญลักษณ์ที่เป็นลูกศรต่อกัน เป็น 3 เหลี่ยม อาจจะอยู่ที่ท้ายขวด หรือสลาก โดยมีตัวเลข 1 – 7 ดังนี้
1 พลาสติก PETE ( Polyethylene Terephthalate ) อ่านสั้นๆว่า เพ็ท ก็ได้
เป็นพลาสติกที่ทนต่อแรงกระแทก ไม่เปราะแตกง่าย ทำให้มีความใสได้ เพื่อให้เห็นสิ่งที่บรรจุภายใน และยังมีคุณสมบัติป้องกันการแพร่ผ่านของก๊าซได้ดี
นิยมนำพลาสติกประเภทนี้ไปใช้งาน : ขวดน้ำมันพื้ช ขวดน้ำดื่ม ขวดน้ำอัดลม
นิยมนำพลาสติกประเภทนี้ไปรีไซเคิลใช้ใหม่ : พรม เสื้อกันหนาว
2 พลาสติก HDPE ( High density Polyethylene )
3 พลาสติก PVC ( Polyvinyl Chloride )
เป็นพลาสติกแข็งแรงกว่าพลาสติกชนิดอื่นๆ แต่สามารถทำให้นิ่มได้ โดยใส่สารพลาสติกไซเซอร์ และเป็นพลาสติกที่มีคุณสมบัติหลากหลาย สามารถนำไปใช้ผลิตได้หลายอย่าง มีคุณสมบัติที่สำคัญคือ เมื่อติดไฟจะดับได้ด้วยตัวเอง ทนต่อน้ำ, น้ำมัน,กรด,ด่าง,แอลกอฮอล์ และสารเคมีต่างๆ ยกเว้นคลอรีน ทนต่อการขัดถู เป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดี
นิยมนำพลาสติกประเภทนี้ไปใช้งาน : ฉนวนหุ้มสายไฟ สายยางใส แผ่นฟิล์มห่ออาหาร ม่านในห้องอาบน้ำ แผ่นพลาสติกปูโต๊ะ ขวดใส่แชมพูสระผม
นิยมนำพลาสติกประเภทนี้ไปรีไซเคิลใช้ใหม่ : รางน้ำ เฟอร์นิเจอร์ กรวยจราจร ท่อน้ำประปา
4 พลาสติก LDPE ( Low density Polyethylene )
เป็นพลาสติกประเภทพอลิเอทิลีน ที่มีค่าความหนาแน่นต่ำ เป็นพลาสติกนิ่ม เบาบาง และมีความทนทานในระดับหนึ่ง (น้อยกว่า HDPE ) สามารถยึดขยายได้ โปร่งแสง มีความใสน้อยกว่า PP แต่ใสกว่า HDPE หรืออาจะเรียกพลาสติกประเภทนี้ว่า ถุงเย็น เพราะไม่ทนความร้อน เหนียว ไม่กรอบแตกง่าย
ข้อจำกัดของพลาสติก LDPE คือ ไม่เหมาะที่จะนำไปใช้บรรจุอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอด ขนมอบกรอบ เพราะป้องกันการซึมผ่านเข้าออกของไขมัน และออกซิเจนไม่ดี ทำให้เกิดกลิ่นหืนได้ง่าย ไม่ทนต่อความร้อน
นิยมนำพลาสติกประเภทนี้ไปใช้งาน : หลอดพลาสติก ฟิล์มห่ออาหาร ถุงบรรจุอาหารแช่แข็ง ถุงใส่ขนมปัง
นิยมนำพลาสติกประเภทนี้ไปรีไซเคิลใช้ใหม่ : ถุงขยะ ถังขยะ ถุงหูหิ้ว
5 พลาสติก PP ( Polypropylene )
เป็นพลาสติกแข็ง ทนต่อแรงกระแทก ทนต่อสารเคมี ความร้อน และน้ำมัน ทำให้มีสีสันสวยงาม มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ PE แต่ทนความร้อนได้สูงถึง 165 องศา ป้องกันการซึมผ่านของไอน้ำได้ดี เป็นฉนวนความร้อนที่ดีมาก
ข้อจำกัดของพลาสติก PP คือ ไม่ทนต่อความเย็น จึงไม่เหมาะกับอาหารแข่แข็ง ( Frozen food ) แต่ก็สามารถนำไป co-polymer กับ PE เพื่อแก้ปัญหานี้ได้
นิยมนำพลาสติกประเภทนี้ไปใช้งาน : บรรจุภัณฑ์อาหาร หรือกล่องใส่อาหาร ขวดยา ฝาขวด เครื่องมือแพทย์ ฟิล์มหรือถุงร้อน ขวดบรรจุสารเคมี ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
นิยมนำพลาสติกประเภทนี้ไปรีไซเคิลใช้ใหม่ : กันชน ไฟท้าย ไม้กวาดพลาสติก กล่องแบตเตอรี่รถยนต์
6 พลาสติก PS ( Polystyrene )
เป็นพลาสติกที่แข็ง ใส แต่เปราะ และแตกง่าย ราคาถูก
นิยมนำพลาสติกประเภทนี้ไปใช้งาน : ถาดโฟมบรรจุอาหาร ช้อนส้อมพลาสติก ฝาแก้วกาแฟ กล่องใส่CD
นิยมนำพลาสติกประเภทนี้ไปรีไซเคิลใช้ใหม่ : ฉนวนกันความร้อน ถาดใส่ไข่ ไม้แขวนเสื้อ ไม้บรรทัด
7 พลาสติก อื่นๆ
เป็นพลาสติกที่ไม่ได้อยู่ใน 6 ข้อ ข้างต้น แต่สามารถรีไซเคิลได้
นิยมนำพลาสติกประเภทนี้ไปใช้งาน : ขวดน้ำดื่ม ขวดนม หมวกนิรภัย ปากกา
นิยมนำพลาสติกประเภทนี้ไปรีไซเคิลใช้ใหม่ : หมวกเซฟตี้
กระบวนการนำพลาสติกไปรีไซเคิลนั้น จะผ่านการคัดแยกพลาสติกก่อนที่จะถูกส่งไปที่โรงงานรีไซเคิล จากนั้นจะถูกนำไปหลอมแล้วขึ้นรูปใหม่ ซึ่งคุณภาพก็จะด้อยลงไปบ้าง แต่ก็คุ้มค่ากับการนำกลับมาใช้ใหม่
อ้างอิงข้อมูล