ปัจจุบัน พลาสติกมีหลายประเภท ที่นำไปผลิตตามอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งการนำพลาสติกมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร หรือบรรจุภัณฑ์อาหาร ต้องเลือกให้เหมาะสม ควรจะมีคุณสมบัติ เบา กันการซึมของน้ำ ทนต่อความร้อน ความเย็น และบางประเภทก็สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ใหม่
การขึ้นรูป (Thermoforming) เป็นกระบวนการอัดขึ้นรูปพลาสติกแผ่น ให้เป็นรูปร่างที่ต้องการ จะเหมาะกับชิ้นงานที่มีความยืดหยุ่น และบาง เช่น บรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร หรือกล่องใส่อาหาร
โดยขั้นตอนผลิตพลาสติกระบบ Thermoforming สามารถแบ่งได้เป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ
1 การนำเม็ดพลาสติกมารีดให้เป็นแผ่นพลาสติก
2 นำแผ่นพลาสติกมาขึ้นรูปเป็นบรรจุภัณฑ์ โดยใช้ระบบสูญญากาศ
- ให้ความร้อนกับแผ่นฟิล์ม ( ขึ้นอยู่กับประเภทของพลาสติกฟิล์ม )
- ใช้แรงกดหรือดันแผ่นฟิล์มให้เข้ากับ แบบแม่พิมพ์ ( Mold ) แล้วจึงใช้ลมดูดเข้าให้ติดกับแม่พิมพ์ ( Vacuum )
- ปลดชิ้นงานออกจากแม่พิมพ์ โดยใช้ลมในการเป่าอออก ( Blow )
ซึ่งกระบวนการผลิต ไม่ได้มีความซับซ้อน หรือใช้ทักษะมากนัก ทำให้ผลิตชิ้นงานจำนวนมากได้ง่ายกว่าการขึ้นรูปพลาสติกแบบอื่นๆ เช่น งานฉีด งานรีด
โดยข้อดีของกระบวนการ Thermoforming มีดังนี้
- ต้นทุนการผลิตต่ำ
- แม่พิมพ์ออกแบบง่าย
- การใช้เครื่องจักรไม่ได้ซับซ้อน
- ราคาเครื่องจักรถูกกว่า
- แม่พิมพ์ หรือ Mold มีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับระบบ อื่นๆทำให้รูปแบบสินค้ามีความหลากหลายตรงตามความ ต้องการของลูกค้า
- สามาถผลิตได้จำนวนมาก ในระยะเวลาที่รวดเร็ว
- สามารถใส่สารเติมแต่ง เพื่อเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ ให้กับพลาสติก เช่น คุณสมบัติกันหมอก หรือฝ้า ที่ใช้กับ บรรจุภัณฑ์ใส่อาหารแช่แข็ง
พลาสติก PET กับการนำไปใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร
เป็นพลาสติกที่นิยมนำไปผลิตบรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร ขวดน้ำดื่ม เพราะมีคุณสมบัติใส และเนื่องจากเนื้อพลาสติกสัมผัสกับอาหารโดยตรง พลาสติกที่ใช้จึงต้องเป็นเกรดปลอดภัย หรือ ได้รับการรับรอง Food Grade
ตัวอย่างการนำพลาสติก PET ไปใช้งาน
- ขวดน้ำดื่ม , น้ำอัดลม , น้ำมันพืช
- กล่องใส่อาหาร , บรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร
- เป็นส่วนประกอบในบรรจุภัณฑ์อื่นๆ เพื่อป้องกันความชื้น เช่น ขนม นมผง กาแฟ ผลไม้แห้ง